เล่นหมากรุกยังต้องคิด หมากชีวิตจะไม่คิดได้ยังไง???
หลายคนที่เคยเล่นหมากรุกอาจเคยเสียดายที่ตัดสินใจเดินหมากตัวผิดจึงต้องแพ้ทั้งกระดาน
แต่เราก็สามารถที่จะเริ่มเกมส์ใหม่ได้อีกซักกี่ครั้งก็ได้ตามที่ต้องการ
แต่หมากชีวิต การตัดสินใจพลาดอาจกลายเป็นบทเรียนราคาแพง และหลายคนคงเคยมีความรู้สึกว่าหลายครั้งในชีวิตที่ตัดสินใจผิดพลาดและที่สำคัญคือไม่สามารถกลับไปแก้ไขนอกจากเก็บไว้เป็นบทเรียนไม่ให้ทำผิดพลาดซ้ำรอยเดิมเท่านั้น
ในการตัดสินใจครั้งสำคัญแต่ละครั้งที่เกิดขึ้นคนเราพยายามที่จะใช้เหตุผลมาเป็นข้อมูลในการตัดสินใจเพื่อเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมกับตนเองมากที่สุดแต่เราเองก็ต้องยอมรับนะคะว่า..คนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกสั่งสอนให้คิดนำเหตุผลที่ถูกต้องมาใช้ในการตัดสินใจตั้งแต่เล็ก
ๆคนส่วนใหญ่ถูกตามใจและถูกสอนให้เชื่อฟังมาโดยตลอดเหตุผลแท้จริงคืออะไรก็ช่างเถอะแต่ต้องเชื่อฟัง
คำถามที่เคยอยู่ในหัวเมื่อตอนเด็กจึงกลายเป็นความเคยชินและกลายเป็นข้อจำกัดเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่และกลายเป็นอคติในความคิดที่ทำให้ปิดกั้นทางเลือกในการตัดสินใจโดยไม่รู้ตัว
ผู้เขียนกำลังจะบอกว่าอคติและความชื่นชอบส่วนตัวก็ทำให้เราเลือกทางเลือกที่ผิดพลาดได้เหมือนกันนะคะ
เมื่อเราต้องตัดสินใจเรามักมีข้อมูลและทางเลือกในการตัดสินใจเสมอและเรามักจะเลือกทางที่ตนเองชอบที่สุดหรือชั่งน้ำหนักแล้วรู้สึกสบายใจเป็นทางเลือกอยู่บ่อย
ๆแต่ในความเป็นจริงถ้าเราไม่คิดเข้าข้างตนเอแล้วล่ะก็
คนเราไม่มีทางได้ข้อมูลมาอย่างครบถ้วนหรอกค่ะและยากมากที่จะมานั่งคิด
วิเคราะห์ตามเงื่อนไขที่เข้ามาเกี่ยวข้องและแยกอคติออกมาเป็นเรื่องราวอย่างชัดเจน
เรามักจะปล่อยให้อารมณ์เข้ามามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเสมอ นั่นคือ “สังหรณ์” ว่าแล้วเชียว นึกแล้วเชียว
ว่าต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ เชื่อความรู้สึกตัวเองน่ะดีแล้ว แต่การง่ายคิดง่าย
ๆ แบบนี้ไม่สามารถที่จะใช้ได้ทั้งหมดเสมอไปในทุกสถาณการณ์ค่ะ
ใครบางคนต้องมานั่งเสียใจจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดจากอารมณ์ชั่ววูบหรือขาดการไตร่ตรองเพราะตามอารมณ์ตัวเองมีให้เห็นบ่อยมากมาย
ๆตามหน้าหนังสือพิมพ์ คนเราเมื่อเกิดในสังคมที่สภาพแวดล้อมไม่สอนให้ใช้กระบวนการทางเหตุผลมาใช้ประกอบความคิดและการตัดสินใจมาก่อน
เราจะไม่คิดวางแผนล่วงหน้าในระยะยาว
และการเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินความจริงทำให้เราวิเคราะห์ทางเลือกไม่ถี่ถ้วนพอ
และทำให้เชื่อถือประสบการณ์ในอดีตของเรามากเกินไป
จริงอยู่ที่ประสบการณ์สอนอะไรเรามากมายแต่มันก็ตีกรอบความคิดของเราด้วยเหมือนกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราเจอกับเหตุการณ์ที่แตกต่างออกไปจากที่เคยพบเคยเจอ....การพึ่งพาประสบการณ์ที่ผ่านมาของเรามักไม่ก่อให้เกิดทางเลือกที่สร้างสรรค์กว่าเดิมเลยสักนิดและคนส่วนใหญ่ก็จะมักไม่เรียนรู้จากเหตุการณ์ในอดีต
..... ความทรงจำเราจำได้ก็จริงค่ะแต่เราเลือกจำนะคะ
เราเลือกที่จะจดจำเพียงบางอย่างที่เราชอบ
ที่เรารู้สึกดีกับตัวเองและถนอมความรู้สึกของเราจากเรื่องเลวร้าย
จึงไม่แปลกที่บ่อยครั้งเราประเมิน
ความสำเร็จและล้มเหลวของตัวเราในอดีตที่ผ่านมาอย่างไม่ค่อยตรงกับความจริงเท่าไหร่
มนุษย์จึงไม่สมบูรณ์แบบค่ะ เราจึงเคยทำเรื่องไร้เหตุผลเป็นบางครั้งบางคราว
แล้วบอกกับตัวเองว่า ก็ฉันทำดีที่สุดแล้ว
แต่สำหรับโดยส่วนตัวของผู้เขียนเองกลับมองว่า การที่คนสักคนจะมีปัญหาในการใช้เหตุผลแล้วจะต้องตัดสินใจไม่ได้เรื่องได้ราวไปทุกครั้งนะคะ
ถึงคนเราจะมีข้อจำกัดแต่ก็มีเยอะเหมือนกันที่เค้าก็ตัดสินใจได้ค่อนข้างดี
อาจเป็นเพราะพวกเขารู้จักบริหารการใช้เหตุผลและอคติของตัวเองว่าจะลดผลกระทบของอคติที่ตัวเองมีให้น้อยลงได้ยังไง
พวกเขาก็จะตัดสินใจได้ดีขึ้น
เพราะในชีวิตจริงทางเลือกไม่ได้มีมากมายหลายสิบทางเลือกในทุก ๆ
ครั้งแต่ถึงแม้ว่ามันจะมีทางเลือกเยอะขนาดนั้นแต่มันก็ต้องสักอันที่โดนเด้งมากที่สุด
หรือในบางกรณีทางเลือกมันพอกันเลยแต่ผู้เขียนสังเกตว่าทางเลือกหรือตัวเลือกนั้นแทบไม่ต่างกันเลย
เพราะยังไงก็แล้วแต่คนเราเลือกสิ่งที่ชอบที่สุดเสมอ แทนที่จะเลือกประสิทธิภาพสูงสุด...ก็ฉันพอใจน่ะแค่นี้ก็พอแล้ว....แต่โชคร้ายที่ทางเลือกที่ดูเหมือนว่า
“ดีพอ” มันมักจะดีพอไม่จริง...ลองย้อนคิดในอดีตที่ผ่านมาของตัวเองดูซิคะว่า
สิ่งที่เราเลือกแล้วว่าดี สุดท้ายดีจริงหรือเปล่า.....เพราะถ้าดีจริงมนุษย์คงมีความพอใจในตัวเองและสิ่งรอบกายไปนานแล้ว
และความสุขก็คงจะมีมากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น