บทความที่ได้รับความนิยม

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2558

I quit...เอาไงดี?

                                        

ว่าด้วยเรื่องการของความกล้าที่จะก้าวออกจากบริษัท(ลาออก นั่นเอง) เมื่อคิดที่จะลาออก เราก็จะต้องมีแผนการลาออกที่ชัดเจน แม้ว่าอารมณ์อยากลาออกขอเราจะเร่งเร้าซะเหลือเกิน แต่เราก็ควรตรึกตรองหาเหตุผลและมาตราการมารองรับการตัดสินใจในแต่ละครั้งของการตัดสินใจที่จะลาออกด้วยเพราะเมื่อลาออกแล้วก็เท่ากับว่าเราตัดท่อน้ำเลี้ยงชีวิตของตัวเองไปในทันที

                                      

ถามว่าท่อน้ำเลี้ยงในแต่ละเดือนที่เราตัดมันทิ้งไปแล้ว อะไรจะเกิดขึ้น?..หลายคนก็มักตอบว่าก็ไปหางานทำ ไปทำงานส่วนตัวหรือไปขายของ อนาคตเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นเราจะรู้ได้อย่างไรเราจะหางานทำใหม่ได้ในเวลาอันสั้น งานส่วนตัวที่ออกไปทำมันดีมีรายได้มากพอกับการดำเนินชีวิต หรือขายของมันจะขายดิบขายดีหรือเปล่า? แม้กระทั่งการถูกซื้อตัวด้วยเงินเดือนที่มากกว่าเดิม เราจะรู้ได้อย่างไรว่าวัฒนธรรมขององค์กรใหม่ที่เราไปอยู่เหมาะกับเราหรือเปล่า เพราะถ้าหากคำตอบที่ออกมาจากทุกคำถามคือ ไม่แน่ใจ นั่นแสดงว่า เราต้องมีการเตรียมพร้อม
อย่างที่รู้กันว่าเมื่อเรามีการเตรียมพร้อมที่ดีมากเท่าไหร่ความมั่นใจจะเพิ่มขึ้นตามมาและความกลัวจะลดน้อย เมื่อทุกอย่างเป็นตามขั้นตอนทีเราวางแผนไว้ สิ่งที่ตามมาก็เข้าใกล้คำว่าสำเร็จ ดังนั้น การเตรียมการลาออกก็เป็นสิ่งที่ควรกระทำเพราะเราต้องดูแลชีวิต ทั้งชีวิตตัวเองและคนที่อยู่เบื้องหลัง คนโสดอาจจะสบายหน่อยเพราะรับผิดชอบตัวเองอย่างเดียวแต่เมื่อตัวเองยังรับผิดชอบไม่ได้มันก็ต้องเดือดร้อนพ่อแม่ ครอบครัวเราน่ะแหล่ะ..หนีไม่พ้นหรอก

 

แล้วเตรียมพร้อมอย่างไร? เราต้องรู้ค่าใช้จ่ายของตัวเองในแต่ละเดือนอยู่แล้ว เราก็จดออกมาว่า ภาระค่าใช้จ่ายของเราเท่าไหร่ เราต้องเตรียมมันไว้อย่างน้อย 6 เดือน และต้องมีเงินฉุกเฉินรองรับอีก 6 เดือน ถ้าตัวเราเองเป็นคนที่บริการเงินได้ 6 กองมาก่อนก็ไม่ต้องคิดมากบวกเพิ่มไป 6 เดือนแล้วค่อยลาออก เราก็จะไม่เครียดมากเมื่ออยู่ในสภาะที่ปราศจากท่อน้ำเลี้ยงเหมือนที่เคยผ่านมาเมื่อสมองไปเครียด ไอเดียดี ๆ ก็จะมาพร้อมกับการทำงานใหม่และทำให้เราสามารถกลับลำ ขยัยบขาย ต่อไปในทิศทางที่เป็นบวกและมีความสุขให้กับชีวิต
     

และในระหว่างเตรียมตัวลาออกเราควรทำอย่างไร? อันดับแรกคือการทำใจ เพราะมีไม่กี่คนหรอกค่ะที่ลาออกก็สามารถมีเงินใช้อย่างสุขสบายไม่ลำบาก มีไม่ถึง 5 % หรอกค่ะในสังคมนอกนั้นภาระเพียบ เดือนชนเดือนกันทั้งนั้น ในช่วงของการเตรียมตัวเราควรหางานรองรับ(งานที่ตัวเองชอบและถนัด หาอย่างตั้งใจนะคะไม่ใช่ขอให้ได้งานอะไรก็ช่างมันก่อนเหอะ ไปแล้วค่อยว่ากันทีหลัง) อย่างหลังนี่ไม่เอานะคะเพราะ...มันทุกข์สาหัสยิ่งกว่าการลาออกจากที่เก่าเยอะมาก เหมือนหนีเสือปะจระเข้ อย่างนั้นเลย...การเตรียมตัว ข้อสองคือ กำหนดระยะเวลาของการที่จะลาออก เช่น อีก 3 เดือนจะลาออก อีก 5 เดือนจะลาออก และเมือ่เรากำหนดเวลาแล้วนั่นก็เท่ากับว่าเรามีเป้าหมายแล้วล่ะว่า เราทนต่อเพียงเท่านี้แล้วเราก็จะเป็นอิสระ ความกดดันในตัวจะน้อยลง และดีใจเมื่อยิ่งเข้าใกล้วันที่เราจะไปนั่นเอง ข้อ 3 เก็บเงินเตรียมลาออกให้พอกับค่าใช้จ่ายที่เรามีภาระ +เพิ่มอีก 6 เดือน ข้อ4 .ตั้งรางวัลให้ตัวเองว่าเมื่อทำครบทั้งหมดแล้วจะให้อะไรกับตัวเอง เช่นไปเที่ยวในสถานที่ๆเราอยากไปตั้งนานแล้ว 1 เดือน ..ระยะเวลามี่ทนอยู่ จะกลายเป็นช่วงเวลาแห่งความหวังขึ้นมาอย่างตื่นเต้นทันทีเลยล่ะค่ะเพียงเท่านั้นเราก็จะไม่ต้องบาดเจ็บหลังการตัดสินใจลาออกอีกต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น