วัดนางชี
ที่ชาวบ้านชอบเรียกขานโดยทั่วกันนั้นมีชื่อพระราชทานว่า วัดนางชีโชติการาม
สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนกลาง เมื่อ พ.ศ. 2078 ตรงกับรัชสมัยพระชัยราชาธิราช
สร้างแล้วเสร็จประมาณ พ.ศ. 2081-2082 เป็นวัดริมน้ำสงบร่มรื่นขณะนี้พระอุโบสถกำลังบูรณะอยู่ยังไม่แล้วเสร็จ และภายในวัดก็ชำรุดทรุดโทรไปตามกาลเวลา
การเดินทางไม่ยากค่ะ นั่รถประจำทาง สาย
4หรือสาย 9 มาลงป้ายที่ลงจากสะพานวัดนางชีแล้วเดินเข้าได้ 2 ทาง คือ 1
.จากซอยวัดนางชีเองเป็นซอยเล็กๆรถสวนกันลำบาก หรือ2. เดินทะลุมาจากวัดนาคปรกจะสะดวกกว่า
ตามประวัติความเป็นมาของวัดสืบเนื่องมาจากลูกสาว
เจ้าพระยาพิชิตชัยมนตรีชื่อแม่อิ่ม ป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุจนกระทั่ง
มีชีปะขาวมานิมิตเข้าฝันด้วยการให้ลูกสาวทำการบวชชี
เจ้าพระยาพิชิตชัยมนตรีจึงได้ให้แม่อิ่มลูกสาวท่านบวชชีพร้อมสร้างวัด ซึ่งประกอบด้วยโบสถ์
วิหาร เจดีย์ พระปรางค์และศาลาการเปรียญ
ครบครันขึ้นเป็นวัดอย่างสมบูรณ์แต่ปัจจุบันไม่มีซากหลงเหลืออยู่จะมี
ก็แต่องค์พระประธานในพระอุโบสถและพระพุทธรูปปางต่างๆ ในโบสถ์ เจดีย์คู่วัด
และพระปรางค์ คณะผู้สร้างวัดนางชีประกอบด้วยผู้ร่วมทำ การสร้าง 3 ท่าน คือ
เจ้าพระยาพิชิตชัยมนตรี พระยาฤาชัยณรงค์ และออกหลวงเสนาสมุทร
และวัดนี้ก็มีความเจริญรุ่งเรืองเสนอมาจนกระทั่ง สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย
ในสมัยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระบรมโกศ วัดนี้ได้กลายเป็นวัดร้าง
เมื่อถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนปลายรัชกาลที่ 1 สมเด็จพระรูปสิริโสภาคย์มหานาคนารีเป็นพระสัสสุใน
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงปฏิขรณ์จึงให้ชื่อว่า วัดนางชี
เพื่อเป็นการอนุสรณ์ในการบวชชีของพระองค์
ท่านพระยาโชฎึกราชเศรษฐีได้มีจิตศรัทธาร่วมพระองค์
ท่านพระยาโชฎึกราชเศรษฐีได้มีจิตศรัทธาร่วมบูรณะปฎิสังขรณ์ด้วยโดย ทำเป็นศิลปะแบบจีนประดับประดาด้วยเครื่องเคลือบประดับมุก
ลับแล หรือฉากบังเตียงแกะฉลุลายไทย ฝีมือจีน ฯลฯ ถวายให้เป็นสมบัติของวัดนางชี ต่อมาในสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระยาราชานุชิตได้บูรณะ วัดซึ่งกำลังทรุดโทรมขึ้มมาใหม่ทั้งวัด อาราม
เช่นพระอุโบสถ พระวิหาร ศาลาการเปรียญ เสนาสนะต่างๆ
ให้รื้อของเก่าแล้วสร้างใหม่โดยเฉพาะ หลังคา พระอุโบสถสร้างตามแบบที่นิยมกันตามแบบ
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าอยู่หัว คือไม่มีช่อฟ้าใบระกา และหางหงส์
สิ่งสำคัญภายในวัดนางชี
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงทำการค้ากับจีน
ทรงสั่งทำเครื่องเคลือบรูปเรือสำเภา อันเป็นเครื่องหมายการค้าให้อนุชนได้ศึกษา
โดยทรงได้พระราชทาน วัดนางชี 1 คู่
พระประดับหน้าบันพระวิหารที่สร้างตามศิลปะแบบจีน
นอกจากนี้ได้พระราชทานเสาหินเทียบเรือพระที่นั่งซึ่งทรงสั่งมาจาก
ประเทศจีนให้แก่วัดนางชี บัดนี้ทางวัดได้นำมาขึ้นเสาป้ายหน้าวัด
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งปรากฎในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวันว่าเมื่อ
พ.ศ.2422 พระปิยมหาราชเจ้า
ได้เสด็จพระราชดำเนินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค มาวัดนางชีเพื่อพระราชทานพระกฐิน
วัดนางชีเป็นวัดที่คนมาทำบุญน้อยทั้งที่เป็นวันที่สร้างมานานและเป็นวัดเดียวที่ยังมี
ประเพณี"ชักพระวัดนางชี" ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น
"งานแห่พระบรมสารีริกธาตุวัดนางชี" ซึ่งพุทธศาสนิกชนชาวฝั่งธนบุรี
ได้ถือปฏิบัติสืบเนื่องกันมาในวันแรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ของทุกปี ตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์
จนถึงปัจจุบันเป็นเวลานานกว่าร้อยปีแล้วล่ะค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น