Alone on the way.Alone on the trip.หลายครั้งที่เวลาไม่ลงตัวกับเพื่อน ๆ การเที่ยวคนเดียวจึงเริ่มต้นขี้น ไปในที่ๆอยากไป ทำในสิ่งที่อยากทำ และมันก็วิเศษไปเลย..เที่ยวคนเดียว...ไม่ลองไม่รู้
บทความที่ได้รับความนิยม
-
มนุษย์เงินเดือนในสังคมออฟฟิศ จริงหรือไม่ ? ที่ชอบสวมหน้ากากและแ...
-
วัดนางชี ที่ชาวบ้านชอบเรียกขานโดยทั่วกันนั้นมีชื่อพระราชทานว่า วัดนางชีโชติการาม สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนกลาง เมื่อ พ.ศ. 2078 ตรงกับรัช...
-
ว่าด้วยเรื่องการของความกล้าที่จะก้าวออกจากบริษัท ( ลาออก นั่นเอง ) เมื่อคิดที่จะลาออก เราก็จะ...
-
A.G.E.-Advanced Glycation End-Product สารร้ายที่อันตราย AGEs (advanced glycation end products) คือ การเกิดปฏิกิริยาในร่างกายของเร...
-
ในสภาวะเศรษฐกิจที่ธุรกิจต้องถูกผลกระทบอันสืบเนื่องมาจากปัญหาบ้านเมืองและสถานการณ์ในปัจจุบันอาจสร้างข้อจำกัดให้กับบางธุรกิจ จนกระทบต...
วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
เสียงกระซิบจากดวงดาว
เด็กน้อยตัวเล็ก ๆ ที่ยังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องการการปกป้องและความรักจากผู้ให้กำเนิด แต่จะเป็นอย่างไรหากผู้ที่ให้กำเนิดและผู้ที่ใกล้ชิดกลับกลายเป็นเพชรฆาตที่หยิบยื่นความทุกข์ทรมารอันแสนเจ็บปวดรวดร้าวให้โดยที่เด็กน้อยไม่สามารถเอื้อนเอ่ยสิ่งใดให้ใครได้รู้หรือแม้แต่จะเอื้อนเอ่ยแต่ไร้ผู้คนสนใจ จนกระทั่งเสียงเพรียกร้องหาความช่วยเหลือนั้นแผ่วเบาจนกลายเป็นความเงียบในซอกหลืบแห่งสังคมโดยไร้ซึ่งคนสนใจมาเนิ่นนาน
เสียงเงียบที่ถูกซ่อนเร้นไว้ในมุมมืดของบ้านเรื่องราวของทารกและเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ที่ถูกทำร้ายจะเป็นข่าวสู่สาธารณชน ก็ต่อเมื่อเด็กมีอาการปางตายหากปล่อยทิ้งไว้อาจตายคาบ้าน จึงจำเป็นต้องส่งเด็กไปรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งเมื่อถึงขั้นนี้ส่วนใหญ่เด็กจะเสียชีวิต พิการ บอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจเพราะถูกทำร้ายมานานนับปี หลายข่าวที่ถูกพาดหัวในหน้าหนังสือพิมพ์ ฉบับแล้วฉบับเล่า การวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์ที่จุดให้เกิดประเด็นร้อนครั้งแล้วครั้งเล่าจากนั้นก็เงียบหายเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ข่าวใหม่เข้ามากลบข่าวเก่า ความสนใจเปลี่ยนประเด็นไปตามกระแส ทุกอย่างดำเนินมาอย่างนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าจนเป็นความคุ้นเคยที่คนในสังคมไทยคุ้นชิน
ไม่แปลกที่จิตใจคนในสังคมไทยเปลี่ยนไป เพราะสภาพสังคมที่ต้องดิ้นรนแข่งขันแก่งแย่งกันเพื่อความอยู่รอด ความเจริญของเทคโนโลยีแปรผกผันกับความดีงามที่เคยมีเหลืออยู่ในสังคมสยามเมืองยิ้ม หลักง่าย ๆ ของกระแสแห่งวิวัฒนาการที่รากเหง้าแห่งความดีงามถูกทำลายด้วยระบบทุนนิยมและสังคมสตอเบอร์รี่พร้อมอาหารจานด่วนที่เพียงแค่อุ่นร้อน 3 นาทีก็สมดังใจต้องการ คนส่วนใหญ่สนใจเพียงแค่เรื่องของตัวเองและเมินเฉยต่อความทุกข์ของเพื่อนร่วมโลกและพี่น้องร่วมชาติ ในบางครั้งการเห็นความทุกข์ของผู้อื่นก็เป็นการสนองตอบสันดานดิบที่ซ่อนอยู่และไม่เปิดเผยรอวันที่จะประหัตรประหารกับคนที่ใกล้ชิดจึงไม่แปลกที่จะเห็นเรื่องราวเหล่านี้กลายเป็นจุดขายของสื่อมากมาย
สังคมไทยในปัจจุบันตกอยู่ในวงจรอุบาวท์ ที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงโดยที่คนส่วนใหญ่ในสังคมไม่รู้ตัว สิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ของคนในสังคมปัจจุบันคือสิ่งที่เรียกว่าความหรูหรา แต่เรียกให้อิงกระแสว่า ไลฟ์สไตล์ สไตล์ใครสไตล์มันและความสัมพันธ์ที่อบอุ่นและดีงามตกอยู่ภายใต้เทคโนโลยีท่ามกลางสังคมที่ทุกคนต่างก้มหน้าสนใจแต่โทรศัพท์ของตัวเอง ปัจจุบันเรามีรถไฟลอยฟ้า รถไฟฟ้าใต้ดิน การสื่อสารที่สามารถเห็นหน้ากันได้แม้อยู่คนละมุมโลก การแพทย์ที่ทันสมัยและตึกสูงละฟ้าหรือแม้แต่รถที่ไร้คนขับ แต่อย่างไรซะความรู้สึกรักและความอบอุ่นของจิตใจที่แท้จริง เทคโนโลยีอะไรก็ทำไม่ได้ทั้งนั้น ทุกคนต้องการความรักและการเอาใจใส่ ครอบครัวยังต้องการความอบอุ่นและเวลาให่แก่กัน สามี ภรรยา ต้องการความรักและเอาใจใส่ต่อกัน ลูกต้องการความรักจากพ่อแม่ พี่น้องความผูกพันของสายเลือด สังคมเพื่อนที่ก่อให้เกิดมิตรแท้ในชีวิตจริงที่จะดำรงอยู่แม้ยามที่ทุกคนแก่ตัวลงและมารำลึกถึงตอนสมัยเรียนให้สนุกสนาน ความรู้สึกแบบนั้นกำลังเลือนหายไป คนสูงอายุถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวที่บ้าน เด็กเล็กๆ ที่คลาดสายตาพ่อแม่ครู่เดียวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย..พบอีกครั้งกลายเป็นศพ พ่อข่มขืนลูก หลานข่มขืนยาย หรือรสนิยมสุดขั้วที่สวิงกันจนลืมตาย....เคล้ายาสารพัดชนิด เพื่อนหลอกเพื่อนให้แฟนข่มขืน แม้แต่แฟนหนุ่มหลอกพาแฟนสาวไปเพื่อนรุมโทรม การล่อลวงทางโซเชียลที่เกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน พี่เลี้ยงเด็กที่เลี้ยงเด็กด้วยระบบทารุณจนตาย.....แม้แต่ครูที่ละเลยเด็กจนกลายเป็นข่าวที่วัวหายล้อมคอกมีให้เห็นกันดาษดื่น หรือกระทั่งพ่อที่ฆ่าลูกตัวเอง
ล่าสุดประเด็นร้อนที่เกิดจากเด็กถูกทารุณและถูกทำร้ายจากคนที่เรียกตัวเองว่าเจ้าหน้ามูลนิธิ จนคนที่เห็นเหตุการณ์ทนไม่ไหวออกมาแฉผ่านโลกออนไลน์ คนจำนวนมากวิพากษ์วิจารณ์กับข่าวด้วยหลายความรู้สึก แต่คำถาม เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในสังคมไทยครั้งแรกหรือไม่? สังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์กับข่าวลักษณะนี้เป็นครั้งแรกหรือไม่? ผู้เขียนเชื่อว่าผู้ที่อ่านบล็อกนี้คงจะตอบคำถามนี้ได้เป็นอย่างดี แนวทางของสังคมไทยและชีวิตของเด็กและเยาวชนในรุ่นต่อ ๆ ไปจะเป็นแบบไหน จะมีการแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างไร ? คนไทยทุกคนคือคนที่จะกำหนดแนวทางเหล่านั้นให้เกิดขึ้นได้เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทย คนไทยเท่านั้นที่ต้องเปลี่ยนแปลง...หรือปล่อยให้ผ่านเลยไปดุจเสียงกระซิบจากดวงดาว
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น