คนเราทุกคนอยากมีแฟนกันใช่ไหมคะ และมีแฟนไปเพื่อ ???????ใช่แล้วค่ะ มีแฟนเพื่ออะไร/เพราะอะไร
คำว่าแฟน ย่อมมีการพัฒนาสัมพันธภาพมาก่อนที่จะใช้คำนี้ใช่ไหมคะ และในสัมพันธภาพที่มาถึงจุดที่เรียกว่าแฟน ก็ย่อมต้องมีความรู้สึกมากมายที่ก่อตัวและเติบโตขึ้นภายในจิตใจจนกระทั่งไม่สามารถจะอยู่ในสถานะเดิมได้อีกต่อไป คำว่าแฟนจึงเกิดขึ้น
และพัฒนาต่อไปเป็น ภรรยา/สามี (ไม่ได้นับถึงพิธีแต่งงานนะคะ) เพราะพิธีแต่งงานและทะเบียนสมรสไม่ได้การันตีว่า จะมีความสุขและประสบความสำเร็จในความรักของชีวิตคู่ค่ะ
เรามาต่อกันนะคะกับมีแฟนไปเพื่อ ? ..... มีมากมายค่ะทั้งมีเหตุผลและไม่มีเหตุผล หรือแม้กระทั่งบังเอิญรัก บางคู่คบกันและเลิกกันไป คบใหม่และเลิกอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากันจนเหนื่อยกับคนที่ใช่แต่ก็ไม่เคยเจอ บางคนท้อกับรักที่เคยมีกับคนที่ใช่แต่ณ.ปัจจุบันเกิดไม่ใช่ขึ้นมาซะแล้ว ประเด็นที่เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้น ต้องมีที่มาที่ไปมีเหตุและผลเสมออยู่แล้วล่ะค่ะ
รูปร่างหน้าตา หรือเซ็กส์ มีส่วนสำคัญที่ดึงดูดความสนใจอยู่แล้วใช่ไหมคะ แต่เมื่อคบกันไปความสวย ความหล่อหรือเซ็กส์ ก็ไม่ได้เพิ่มความนับถือในตัวคู่ของเราแต่อย่างใด คนเราเลือกความสุขก่อนความทุกข์เสมอ ถ้าอยู่ด้วยแล้วไม่มีความสุข ต้องฝืนหรือพยายามอยู่ตลอดเวลาต้นรักมันก็ไม่โตขึ้นมาได้หรอกค่ะ...ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปแค่ได้จำไว้..ถ้าอยากจะจำนะคะ
ความชอบ ความสนใจเหมือน ๆ กัน อืมม์กรณีนี้ดูเข้าท่ากว่า รูปร่างหน้าตาถูกใจอย่างเดียว แน่นอนค่ะ เพราะคนเราเมื่อชอบเหมือนกัน สนใจในสิ่งเดียวกัน และรักในสิ่งเดียวกัน ย่อมมีเรื่องที่คุยกันได้ถูกคอกันมากกว่าชอบกันคนละเรื่อง และยังคุยไปในทิศทางเดียวกัน มีความสุขในสิ่งที่ทำเหมือนกัน อะไร ๆ ก็ย่อมดีขึ้นและพัฒนามากขึ้นไปได้อีกหลายเท่า แต่เมื่อนานเข้าทำไมถึงรู้สึกเหมือนเพื่อนกันซะมากกว่าเป็นแฟนและสุดท้ายเป็นเพื่อนกันน่ะดีกว่าแฟน...เป็นซะงั้น
ถ้าลองรวมกันระหว่างรูปร่างหน้าตาที่ถูกใจ นิสัยความชอบ ความสนใจที่เหมือน ๆ กัน ประเด็นนี้ดูมีน้ำหนักของสัมพันธภาพที่น่าจะพัฒนาจากคนรู้จัก เพื่อน และกลายเป็นแฟน คู่รัก และสามี-ภรรยาได้ดีที่สุดใช่ไหมคะ เพราะมีความสุขมากกว่าความทุกข์ ในกรณีนี้มักลงเอยกันด้วยการแต่งงานและสร้างครอบครัว ขึ้นมา แต่บทสรุปสุดท้ายอาจไม่ได้ครองคู่อยู่กันตลอดไป....ไหงเป็นอย่างนี้อีกล่ะเนี่ย
บรรดาคู่แต่งงาน ที่เลิกรากันจนกลายเป็น พ่อหม้าย แม่หม้าย ที่เห็นกันมากมายจนน่าตกใจ สาเหตุหลักมักบอกว่า นิสัยเข้ากันไม่ได้ รูปแบบชีวิตที่เข้ากันไม่ได้ เป็นอันดับต้น ๆ รองลงมาคือมือที่สาม ซึ่งก็คือส่วนนึงของคนที่เคยใช่แต่เกิดเป็นคนที่ไม่ใช่ ณ.ปัจจุบัน นั่นเองแหล่ะค่ะ.........แล้วอะไรล่ะ..ที่เป็นประเด็นที่ทำให้ชีวิตคู่เหมาะสม ลงตัว ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน มีแฟน/สามี/ภรรยา เพื่ออะไร
สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนมั่นใจเป็นอย่างยิ่งคือ สิ่งที่เหมือนกันมักดึงดูดสิ่งที่เหมือนกันเข้ามา จะตั้งใจหรือไม่เจตนา ก็สามารถดึงดูดเข้ามาเสมอๆค่ะ ไม่มีเรื่องบังเอิญในโลกกลมที่เบี้ยว ๆ ใบนี้ ดังนั้น คุณเลือกคู่ที่ใช่ของคุณได้ถ้าคุณมีสติอยู่ตลอดเวลา ความจริงก็คือว่ามนุษย์เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพลังงานและแรงดึงดูดที่สับสนไม่คงเส้นคงวา ดังนั้นทิศทางในการดึงดูดอะไรสักอย่างจึงไม่แน่นอนด้วยเช่นกัน จุดเริ่มแรกของการเลือกแฟน คือ กำหนดทิศทางของคู่ของคุณที่ต้องการซะเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่อยากต้องเสียเวลาและเหนื่อยในการควานหาใครคนนั้นตลอดทั้งชีวิตที่เหลืออยู่แล้วล่ะก็ นี่คือสิ่งแรกที่ต้องทำค่ะ ยกตัวอย่างเช่น เวลาที่คุณมีจิตใจที่สงบ ๆนิ่งๆจะมีจุดๆนึงที่คุณรู้สึกตัวเลยว่าแรงที่สุดในความรู้สึกของตัวเองขณะนั้น จุดนั้นแหล่ะค่ะให้ระบุสเป็คคนรักที่ต้องการ (บางคนเรียกว่าอธิษฐาน) ผู้เขียน ใช้วิธีนี้และระบุคู่รักที่ต้องการว่า "ต้องการคนที่เหมาะสมกับตัวเองและสามารถที่จะเติบโตและพัฒนาทั้งความคิดและจิตใจเราทั้งคู่ไปด้วยกันตลอดไป" ทำไมถึงระบุสเป็คอย่างนี้ ที่มาก็คือ คนเราเติบโตขึ้นตามกาลเวลาค่ะ สิ่งที่ชอบณ.ขณะนี้อาจเป็นสิ่งที่ไม่ชอบเมื่อเวลาผ่านไป สิ่งที่คู่รักเคยชอบเหมือนกันเมื่อเวลาผ่านไปอาจต่างกัน ต้นไม้แห่งความรักที่เติบโตสูงใหญ่ได้ต้องมีการพัฒนาทั้งความคิดและจิตใจโดยมีจุดมุ่งหมายเดียวกันไปตลอดเส้นทาง เมื่อคนนึงล้มคนนึงช่วยพยุงและเดินร่วมกันไปนั่นแหละค่ะ คือสูตรที่ทำให้สามารถอยู่คู่กันไปได้นานแสนนาน
บางคนมีคนรักแต่ไม่มีความรู้สึกรัก เพราะความรัก และ คนรัก เป็นคนละเรื่องกันค่ะ ความทุกข์ใจของความรักเป็นเรื่องของความรู้สึกที่ฝ่ายตรงข้ามของเราเค้ารับรู้ได้นะคะ ดังนั้นไม่มีใครที่ต้องการความทุกข์ใจค่ะ เราต้องหัดที่จะมีความรักและเริ่มเรียนรู้คนที่เราคบหาด้วยและพัฒนามันไปอยู่ตลอดเวลา เหมือน หลักวิทยาศาสตร์ที่ต้องมีการแก้ปัญหาเมื่อเราต้องตั้งสมมุติฐานน่ะแหล่ะค่ะ คนที่เคยทำก็อาจจะเฉย ๆ เป็นเรื่องง่ายที่จะทำ แต่คนที่ไม่เคยคิดทำ อาจจะรู้สึกลำบากว่ามันต้องทำอะไรกันขนาดนั้นเลยหรือ ถ้าลำบากขนาดนั้นอยู่คนเดียวซะดีกว่าไหม ?..ถ้าใครมีความรู้สึกแบบนี้ก็ไม่แปลกนะคะถ้าเป็นความสุขและพอใจที่เราต้องการใช่ไหมคะ แต่สำหรับคนที่ต้องการมีคู่ การลับสติปัญญาไว้เสมอเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งค่ะ ถ้าสิ่งที่คุณทำกับคู่รักอยู่ณ.ขณะนี้เป็นความทุกข์ก็เปลี่ยนไปใช้วิธีอื่นซะค่ะเพราะควาทุกข์ที่เกิดบอกคำตอบตรง ๆ อยู่แล้วว่า ไม่ใช่ทางที่คุณควรเลือกเดินและเลือกใช้กับคนรักของคุณ ลองเปลี่ยนวิธีอื่น ๆ ไปเรื่อยๆ จนเจอทางที่ใช่ เค้าจะเป็นกระจกที่ตอบคำตอบที่ถูกต้องของคุณและสัมพันธภาพของคุณทั้งคู่นี่ล่ะค่ะที่จะบอกว่าวิธีที่คุณทำอยู่นั้นเป็นวิธีที่ใช่หรือเปล่า แต่สิ่งนึงที่คุณต้องจำไว้เสมอสำหรับความรักนะคะ คำถามที่ถูกต้องจะให้คำตอบที่ถูกต้องเสมอ เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจตั้งคำถามใด ๆ ต่อความรักคุณต้องแน่ใจว่าเป็นคำถามที่ถูกต้องแล้วจริง ๆ ไม่ใช่อารมณ์และความต้องการพาไป เพราะส่วนผสมที่ไม่ถูกหรือไม่ใช่ตั้งแต่แรกจะปรุงรสให้สุดฝีมือแค่ไหนมันก็ไม่อร่อยหรอกค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น