บทความที่ได้รับความนิยม

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2558

เที่ยวพนัญเชิง.. ไหว้หลวงพ่อโต..ตามรอยพระนางสร้อยดอกหมาก

วันนี้ก็มาเที่ยวอีกแล้วค่ะ ใกล้ ๆ กรุงเทพฯ..นั่นก็คือ จ.พระนครศรีอยุธยา นั่นเอง ที่แรกที่ผู้เขียนจะพาไปวันนี้ก็คือ วัดพนัญเชิง ค่ะ หลายคนคงเคยไปวัดพนัญเชิงด้วยสาเหตุบางอย่างหรือว่าด้วยคำเล่าขานในการขอความมั่งมีหรือขอให้มีเงินเต็มกระเป๋านั่นเองด้วย แต่ก่อนจะเล่าเรื่องเงินๆ ทองๆ ว่ารู้ประวัติของวัดแบบคร่าว ๆ ซักหน่อยดีกว่านะคะ
                                                

วัดพนัญเชิง เป็นวัดที่มีประวัติอันยาวนาน ก่อสร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยาและไม่ปรากฎหลักฐานที่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง ตามหนังสือพงศาวดารเหนือกล่าวว่าพระเจ้าสายน้ำผึ้งเป็นผู้สร้าง และพระราชทานนามว่า วัดเจ้าพระนางเชิงและในพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐกล่าวไว้ว่า ได้มีการสถาปนาพระพุทธรูปพุทธชื่อ”พระเจ้าพแนงเชิง” เมื่อปี พ.ศ. ๑๘๖๗ ซึ่งก่อนพระเจ้าอู่ทองจะสถาปนากรุงศรีอยุธยาถึง ๒๖ ปี
                              
                                            

                                           
หลวงพ่อโตหรือพระพุทธไตรรัตนนายกเป็นพระโบราณคู่บ้านคู่เมืองกรุงศรีอยุธยามาแต่แรกสร้างกรุง พงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ระบุว่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๑๘๖๘ หรือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ สถาปนากรุงศรีอยุธยา ๒๖ ปีและเมื่อกรุงศรีอยุธยาใกล้จะแตกปรากฏในคำให้การขาวกรุงเก่าว่าพระปฏิมากรใหญ่ที่วัดพนัญเชิงมีน้ำพระเนตรไหลเป็นที่อัศจรรย์ชาวจีนมากโดยเรียกกันว่า“ซำปอกง” หลวงพ่อโตนี่ล่ะค่ะที่หลายๆ คนมากราบสักการะเพื่อขอให้มีลาภผลเงินทองและเมื่อสมหวังก็ให้กลับมาทำบุญใหม่ ตอนที่ผู้เขียนไปที่วัดนี้มีหลายคนนะคะที่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าได้ผล  เมื่อขอพรให้มีเงินเต็มกระเป๋าเสร็จก็อย่าเพิ่งเดินทางกลับให้ไปที่ท่าน้ำให้อาหารปลาซักครู่แล้วค่อยเดินทางต่อ เป็นอันเสร็จสิ้นการของเงินให้มีเต็มกระเป๋า ผู้เขียนก็ลองทำดูค่ะ ผลเป็นอย่างไรเดี๋ยวเดือนหน้าจะมาเล่าให้ฟังว่าได้ผลมั๊ย
                   



             
เมื่ออกจากพระอุโบสถเดินเลี้ยวซ้ายไปทางท่าน้ำก็จะมี ตำหนักเจ้าแม่สร้อยดอกหมากให้สักการะกันค่ะตำหนักเจ้าแม่สร้อยดอกหมากลักษณะทั่วไปเป็นเก๋งจีนเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก ซึ่งชาวจีนเรียกว่า “จู๊แซเนี้ย”มีประวัติอยู่ว่า นางสร้อยดอกหมากเป็นบุตรบุญธรรมของพระเจ้ากรุงจีนได้ยกให้พระนางอภิเษกสมรสกับพระเจ้าสายน้ำผึ้งซึ่งเป็นพระเจ้ากรุงสยามแต่พระนางสร้อยดอกหมากได้กลั้นใจตายเมื่อพระเจ้าสายน้ำผึ้งไม่มารับพระนางที่เรือด้วยพระองค์เองเพื่อจะเข้าพระนครหลังจากพระนางสร้อยดอกหมากกลั้นใจตายพระเจ้าสายน้ำผึ้งจึงโปรดฯ ให้อัญเชิญพระศพมาพระราชทานพระเพลิงที่แหลมบางกะจะและที่นี้เองได้สถาปนาเป็นพระอารามให้นามชื่อว่า วัดพระนางเชิง หรือวัดพระนางทำเชิง
                                     




แต่ถ้าออกจาอุโบสถเลี้ยงขวาผ่านกุฎิสงฆ์จะมีทางเดินไปแม่น้ำและตำหนักพระนางสร้อยทางหมาเช่นกันค่ะ ซึ่งทางนี้มีความพิเศษที่กำแพงพระอุโบสถที่สลักเป็นรูปของยักษ์และลิงในเรื่องของรามเกียร์สวยงามมาก ๆ แต่น่าเสียดายที่ส่วนใหญ่แล้วคนจะเดินผ่านแล้วก็ไม่ค่อยจะได้ยืนดูความสวยงามนี้ซักเท่าไหร่ค่ะ
                                        
             






สำหรับการเดินทางก็ไม่ลำบากค่ะ ถ้ามีรถยนต์ส่วนตัว เดินทางมาจากรุงเทพโดยใช้ถนนสายเอเชีย(ทางหลวงหมายเลข 32)เลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกเข้าอยุธยา ตรงเข้ามาจะพบวงเวียนเจดีย์วัดสามปลื้ม ให้เลี้ยวซ้ายไปอีก 1.5 กม.วัดใหญ่ชัยมงคล จะอยู่ทางซ้ายมือ และตรงไปอีกราว 3 กม.จะเห็นวัดพนัญเชิงอยู่ทางขวามือ

แต่ถ้าไปโดยรถตู้โดยสาร (ค่าโดยสาร 60 บาท)แล้ว ก็บอกคนขับว่าลงเจดีย์จากนั้นก็นั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างไปส่งที่วัดค่ะ..เท่านี้เองง่ายมาก ๆ ค่ะ

นี่คือหนึ่งสถานที่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาค่ะ ในวันต่อไปจะมีสถานที่อื่น ๆ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยามาเล่าให้ฟังกันต่อนะคะ...ส่วนจะเป็นที่ไหนติดตามอ่านกันได้ในบล็อคต่อไปค่ะ



                     
                        
                                 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น