บทความที่ได้รับความนิยม

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558

รู้สึกหลอนมั๊ย...ที่ต้องตื่นไปทำงานวันพรุ่งนี้???


                              

คุณเคยรู้สึกใจหายเมื่อถึงวันจันทร์? รู้สึกใจหายเมื่อวันหยุดยาวหรือลาพักร้อนกำลังจะหมดลง? หลายๆคนคงตอบ “ใช่” แต่ก็มีบางคนที่ตอบ “ไม่”

สำหรับคนที่ตอบ “ไม่” ต้องขอแสดงความยินดีที่มีความสุขกับงานที่ทำและการทำงาน แต่สำหรับกรณีของคนที่ตอบ “ใช่” นั่นคือสัญญาณบางอย่างของอาการ Sunday Blue อาการนี้เป็นกันแทบทุกคน มันเป็นความรู้สึกหดหู่ที่คิดว่าพรุ่งนี้ต้องไปทำงาน มันจะรู้สึกใจหายที่วันอาทิตย์กำลังจะหมดลง วันจันทร์กำลังเข้ามา แต่ใจไม่พร้อม ตัวไม่พร้อมยังอยากสนุกมีความสุขกับการเที่ยวอยู่แต่ก็ยังถือว่าปกติอยู่นะคะไม่แปลกสำหรับคนทำงานและแม้แต่นักเรียน นิสิต นักศึกษา ทุกสถาบัน

แต่อาการหลอนเมื่อรู้สึกว่าต้องไปทำงานนี่ต่างหากที่เป็นประเด็นเพราะเป็นสัญญานที่รุนแรงกว่า Sunday Blue หลายเท่า อาการดังกล่าวที่ทำให้รู้สึกใจฝ่อแค่คิดว่าต้องมาทำงานก็รู้สึกราวกับฝันร้าย แสดงว่าจิดใต้สำนึกคุณต้องรู้สึกขยะแขยงอะไรบางอย่างทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัวกับงานที่ทำ ออฟฟิศที่ทำอยู่อย่างแน่นอน ถ้าหากมีอาการแบบนนี้ ตัวเราคงต้องพิจารณาแล้วล่ะค่ะว่างานที่ทำอยู่ตอบโจทย์ของเป้าหมายชีวิตได้มากหรือน้อย ในระยะยาวของตัวเราเพราะถ้าคำตอบออกมาว่า ตอบโจทย์เป้าหมายในชีวิตของเราน้อยและน้อยลงในระยะยาวด้วยแล้ว ..ก็คงต้องถึงเวลาเปลี่ยนลักษณะงานและที่ทำงานกันเถอะเพราะการทนอยู่ใน Comfort Zone ที่เคยชิน นอกจากเสียเวลาแล้วยังเสียสุขภาพจิตของตัวเราในระยะยาวด้วยเช่นกัน ความรู้สึกหดหู่ ไม่เป็นผลดีต่อตัวเราหรอกนะคะ..ตัดมันทิ้งไปเถอะ...ก้าวไปข้างหน้าได้แล้ว

แต่บางลักษณะงาน หรือบางอาชีพ...แค่รู้ว่าตื่นมาต้องไปพบเจอ อาการ Sunday Blue ก็กำเริบ แต่เมื่อนั่งคิด ไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้วปรากฏว่า มันสามารถตอบโจทย์เป้าหมายชีวิตของเราในระยะยาวได้อย่างแน่นอน นี่ล่ะ ต้องใช้กระบวนการรักษาอย่างเร่งด่วน ก็เพราะว่าเราเข้าใจแล้วนี่ ว่าไอ้งานลักษณะนี้สามารถตอบโจทย์เป้าหมายในชีวิตได้จะทิ้งไปมันเสียของค่ะ ถ้าหากตัวเรามีอาการลักษณะนี้แล้วล่ะก็ เราต้องแก้ที่ My Set ด้วยการกำหนดระยะเวลาของการทำงาน เช่น กำหนดงาน 3-5 ปี ที่จะทำงานนี้ ทำมันเสร็จเราจะไปใช้ชีวิตแบบไหนก็ตามใจเรา แบบนี้เราไม่จำเป็นต้องชอบแต่ขอให้เข้าใจว่าทำไมต้องทำ เท่านั้นพอ และอาการตกนรก ขยะแขยง เซ็งและไร้ความสุขที่ต้องทน วิธีแก้คือแก้ที่จิตใต้สำนึก(เหมือนกับการแก้พิมพ์เขียว) ซะใหม่ ว่าอะไรทำให้เรารู้สึกเช่นนั้น เพราะการเปลี่ยนพิมพ์เขียวความคิด ผลที่ได้มันก็จะสร้างตามพิมพ์เขียวต้นแบบเสมอ อาจจะฝืนความรู้สึกแต่ถ้ามันคือการรักษาก็จำเป็นที่จะต้องทำ เพราะเราไม่ได้ทำในสิ่งที่ชอบแต่ทำเพราะจำเป็น(มันตอบโจทย์เป้าหมายชีวิตของเราในระยะยาว) และเรารู้ว่าหากทำสำเร็จ เป้าหมายในชีวิตจะสำเร็จด้วย....เมื่อจำเป็นต้องก้าว ก็ต้องเขียนพิมพ์เขียวอันใหม่ในหัว อย่าลืมว่า ตัวเราเป็นในสิ่งที่เราคิดเสมอไม่ได้เป็นจากสถาณการณ์ของความเป็นจริงของโลก...หากทำสำเร็จคุณชนะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น