คุณเคยรู้สึกใจหายเมื่อถึงวันจันทร์?
รู้สึกใจหายเมื่อวันหยุดยาวหรือลาพักร้อนกำลังจะหมดลง?
หลายๆคนคงตอบ “ใช่”
แต่ก็มีบางคนที่ตอบ “ไม่”
สำหรับคนที่ตอบ
“ไม่”
ต้องขอแสดงความยินดีที่มีความสุขกับงานที่ทำและการทำงาน
แต่สำหรับกรณีของคนที่ตอบ
“ใช่” นั่นคือสัญญาณบางอย่างของอาการ
Sunday Blue
อาการนี้เป็นกันแทบทุกคน
มันเป็นความรู้สึกหดหู่ที่คิดว่าพรุ่งนี้ต้องไปทำงาน
มันจะรู้สึกใจหายที่วันอาทิตย์กำลังจะหมดลง
วันจันทร์กำลังเข้ามา
แต่ใจไม่พร้อม
ตัวไม่พร้อมยังอยากสนุกมีความสุขกับการเที่ยวอยู่แต่ก็ยังถือว่าปกติอยู่นะคะไม่แปลกสำหรับคนทำงานและแม้แต่นักเรียน
นิสิต นักศึกษา ทุกสถาบัน
แต่อาการหลอนเมื่อรู้สึกว่าต้องไปทำงานนี่ต่างหากที่เป็นประเด็นเพราะเป็นสัญญานที่รุนแรงกว่า
Sunday Blue
หลายเท่า
อาการดังกล่าวที่ทำให้รู้สึกใจฝ่อแค่คิดว่าต้องมาทำงานก็รู้สึกราวกับฝันร้าย
แสดงว่าจิดใต้สำนึกคุณต้องรู้สึกขยะแขยงอะไรบางอย่างทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัวกับงานที่ทำ
ออฟฟิศที่ทำอยู่อย่างแน่นอน
ถ้าหากมีอาการแบบนนี้
ตัวเราคงต้องพิจารณาแล้วล่ะค่ะว่างานที่ทำอยู่ตอบโจทย์ของเป้าหมายชีวิตได้มากหรือน้อย
ในระยะยาวของตัวเราเพราะถ้าคำตอบออกมาว่า
ตอบโจทย์เป้าหมายในชีวิตของเราน้อยและน้อยลงในระยะยาวด้วยแล้ว
..ก็คงต้องถึงเวลาเปลี่ยนลักษณะงานและที่ทำงานกันเถอะเพราะการทนอยู่ใน
Comfort Zone
ที่เคยชิน
นอกจากเสียเวลาแล้วยังเสียสุขภาพจิตของตัวเราในระยะยาวด้วยเช่นกัน
ความรู้สึกหดหู่
ไม่เป็นผลดีต่อตัวเราหรอกนะคะ..ตัดมันทิ้งไปเถอะ...ก้าวไปข้างหน้าได้แล้ว
แต่บางลักษณะงาน
หรือบางอาชีพ...แค่รู้ว่าตื่นมาต้องไปพบเจอ
อาการ Sunday
Blue ก็กำเริบ แต่เมื่อนั่งคิด
ไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้วปรากฏว่า
มันสามารถตอบโจทย์เป้าหมายชีวิตของเราในระยะยาวได้อย่างแน่นอน
นี่ล่ะ ต้องใช้กระบวนการรักษาอย่างเร่งด่วน
ก็เพราะว่าเราเข้าใจแล้วนี่
ว่าไอ้งานลักษณะนี้สามารถตอบโจทย์เป้าหมายในชีวิตได้จะทิ้งไปมันเสียของค่ะ
ถ้าหากตัวเรามีอาการลักษณะนี้แล้วล่ะก็
เราต้องแก้ที่ My
Set ด้วยการกำหนดระยะเวลาของการทำงาน
เช่น กำหนดงาน 3-5
ปี ที่จะทำงานนี้
ทำมันเสร็จเราจะไปใช้ชีวิตแบบไหนก็ตามใจเรา
แบบนี้เราไม่จำเป็นต้องชอบแต่ขอให้เข้าใจว่าทำไมต้องทำ
เท่านั้นพอ และอาการตกนรก
ขยะแขยง เซ็งและไร้ความสุขที่ต้องทน
วิธีแก้คือแก้ที่จิตใต้สำนึก(เหมือนกับการแก้พิมพ์เขียว)
ซะใหม่ ว่าอะไรทำให้เรารู้สึกเช่นนั้น
เพราะการเปลี่ยนพิมพ์เขียวความคิด
ผลที่ได้มันก็จะสร้างตามพิมพ์เขียวต้นแบบเสมอ
อาจจะฝืนความรู้สึกแต่ถ้ามันคือการรักษาก็จำเป็นที่จะต้องทำ
เพราะเราไม่ได้ทำในสิ่งที่ชอบแต่ทำเพราะจำเป็น(มันตอบโจทย์เป้าหมายชีวิตของเราในระยะยาว)
และเรารู้ว่าหากทำสำเร็จ
เป้าหมายในชีวิตจะสำเร็จด้วย....เมื่อจำเป็นต้องก้าว
ก็ต้องเขียนพิมพ์เขียวอันใหม่ในหัว
อย่าลืมว่า
ตัวเราเป็นในสิ่งที่เราคิดเสมอไม่ได้เป็นจากสถาณการณ์ของความเป็นจริงของโลก...หากทำสำเร็จคุณชนะ